(根据9月23日大金寺庙Wat That Thong 的VCD现场录音译作)
查瓦立上将:
他离家走进森林过艰苦的生活,这种状况不仅仅在马来亚而已,在泰国也同样。他是英雄,他谋求平等、自由。他期望自己国土的人民大众享有自己的权利,并为国家大多数人民使用其权利。 我们期望并寻求这种制度,即用民主制度治理国家,这是我们治国的最高愿望和宗旨。尊敬的兄弟们,陈平先生为寻求公正、维护人民权利、自由平等的精神而尽了他的职责,这就是我们要记念这位离去了的朋友的原因。在这纪念我们朋友的最后的机会,我请尊敬的各位起立默哀,诚心诚意祝愿我们亲爱朋友的遗灵赴天堂之路吧。
吉迪上将:
20多年前,在马来西亚,陈平担任马来亚共产党总书记,是数十年为解放马来亚与外国斗争的领导人。是英国在东南亚的头号对手。有人说,陈平是马来西亚的越南胡志明,是马来西亚的缅甸昂山,是马来西亚的印尼苏加诺,所不同的是救国没有成功。第二次世界大战时与英军联合共同进行反对日本占领马来西亚的活动,后来为争取独立反抗英国,继续武装对抗达12年之久,英国出动约十万兵力镇压马共,马共军民武装力量牺牲约万人。1961年,陈平去中国,1989年以党总书记身份执行最后一次最重要的任务,签署泰、马和马共之间的和平协议,终止武装对抗,解散马共部队。1989年12月2日,在举行三方签署和平协议仪式的新闻发布会上,陈平用马来语发言“以马来西亚公民的身份,我们将效忠于马来西亚最高元首,做为签署协议成员,我们尊守协议的每一项条款直至每一个字,我们将销毁武器,相互不再敌对,销毁武器以表示我们停止武装对抗的诚意”。我向尊敬的各位所述说的一切,只是这位绅士生命中的一部分,在我个人眼里,他是一位兄长,这点连参加普吉会议的马来亚官员也承认。我们赞美他是我尊敬和爱戴的兄长。他是争取国家独立的斗士,他是一位绅士,是忠诚、牺牲和勇敢的榜样。
披讪上将:
我代表各位兄弟发言,之所以说代表大家发言,因为20年来他都住在我家里,户口也落在我家里,因此我和他就像一家人一般。今天我为陈平及其家属感到欣慰,因为我常常听到他多次提到的人,第一位是查瓦立·永猜裕上将;第二位是吉迪·拉达那查亚上将;第三位是 巴域·翁素挽上将;第四位是詹隆·坤宋上将。20年以来陈平始终记着这四位将军。
他住在我家里,就像我孩子的爷爷,像我孙子的曾祖父。他反反复复说过,尽管目前只能做到这程度,他自豪已经尽最大的努力了。今天很高兴见到我和他相处20年来一直提到的4位将军。他称赞查瓦立·永猜裕上将,他请我带他去拜会阁下,查瓦立将军也像对待自己人一样给与各种帮助和关怀。在出版他的著作时,他让我尽力联系吉迪上将,詹隆上将。
在和他相处的日子里,我看到感觉到的是,做为一名军人,首先他是军人优秀的榜样,在世界上没有谁能够坚持50年的斗争。50年来澳大利亚和几个国家的军事院校都在研究他的斗争方式,邀请他去外军院校当教员讲学。我自己也经历过战争。
第二点,做为领袖,他关怀、热爱、忠诚对待他的部下,他说“披讪带我们去,去关照我的部下,我们从党内得到的一切,一士丁也不能拿,要还给他们,请带我们去吧”。我就带他去了,这就是领袖时刻关怀部下的品质。
第三点:我看到他是一位富有慈祥、仁爱、温和的人,是具有慈爱心的军人,是这世界上军人铭记的榜样,是充满了爱心值得每个人敬仰和坚信的军人。我和他相处我敬佩他,他是我们的英雄,也是我和我家庭心中的英雄。
最后我听吉迪将军说他已经表示效忠马来西亚最高元首了,而对于泰国,他居住在泰王国,他也万分地效忠于皇室,无论是朱拉蓬公主,诗里通公主,泰国诗丽吉王后的任何事务他都全心全意参与,甚至每天和我一起去皇宫参加皇太后的葬礼。这是位无论生活在哪片土地上就以那里为家的榜样。
最后我要说的是,在这最后的时刻,我述说他的事迹,在座的每位兄弟做得很好,我们从未想到这是政治,我们认为每个人都有同样仁慈的生命,所有人都有仁爱的心,我们不会想到任何与政治的关联。 无论是对待查瓦立上将颁布66/23政策的泰共人员还是对待他(陈平)的部下,甚至连被冠名为泰南的恐怖分子,我们向大家表明我们都是血肉相连的兄弟,在这片土地上的每条生命都是我们的血肉兄弟。
ชวลิต
ท่านต้องออกไปในป่าเขาใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก ลักษณะอย่างนี้มีโดยทั่วไปไม่ใช่เฉพาะในประเทศมลายูเท่านั้น ในประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน เขาเหล่านั้นคือวีรบุรุษ เขาต้องการความเสมอภาค เสรีภาค เขาต้องการอำนาจที่เป็นของพี่น้องประชาชนอยู่ในแดนดิน เพื่อที่จะใช้อำนาจนั้นเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ในแผ่นดิน เราปรารถนาและเราเรียกร้องการปกครองดังกล่าว ด้วยความปรารถนาดังกล่าวว่าเป็นความปรารถนาหรือวัตถุประสงค์สูงสุดในการปกครองประเทศ การปกครองในระบอบประชาธิปไตย พี่น้องที่เคารพ ท่านจินเปงได้ทำหน้าที่ด้วยจิตใจที่เหมือนกันคือต้องการความเป็นธรรม ต้องการการปกครองของประชาชน ต้องการสิทธิเสรีภาพ ต้องการความเสมอภาค นี่คือสิ่งที่พวกเราอาลัยเพื่อนของเราคนนี้ที่จากไป ในโอกาสครั้งสุดท้ายที่เราจะระลึกถึงเพื่อนของเรา ผมขออนุญาตที่จะเรียนเชิญท่านที่เคารพ ลุกขึ้นยืนไว้อาลัย กำหนดจิตกำหนดใจ ส่งดวงวิญญาณเพื่อนรักของเราไปสู่สุคติด้วนเทอญ
กิตติ
จินเปงเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ในประเทศมาเลเซีย ในตำแหน่งเลขาธิกาพรรคคอมมิวนิสต์ประเทศมลายา จินเปงได้เป็นผู้นำต่อสู้กับประเทศอื่นอีกเพื่อปลดแอกให้กับประเทศมลายาเป็นเวลาหลายสิบปี เป็นบุคคลที่ประเทศอังกฤษต้องการตัวมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ มีผู้กล่าวว่าจินเปงคือ มาเลเซียโฮจิมิน ของเวียดนาม เป็นมาเลเซียอองซานของพม่า เป็นมาเลเซียซูฮาโนของอินโดนิเซีย แต่ที่ต่างกันก็คือการกอบกู้ชาติไม่กำเนิดขึ้น จินเปงได้สู้รบกับญี่ปุ่นร่วมกับอังกฤษสมัยญึ่ปุ่น ยึดครองประเทศมาเลเซียในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง และได้หันมาสู้รบขับไล่อังกฤษ เพื่อต้องการความเป็นเอกราชในเวลาต่อมา เป็นเวลาถึงสิบสองปีใช้กำลังกัน อังกฤษใช้กำลังประมาณแสนคนเพื่อปราบปรามพรรคคอมมิวนิสต์มลายา กองกำลังพรรคคอมมิวนิสต์มลายา ทหารและประชาชนเสียชีวิตในเหตุการณ์ประมาณหมื่นกว่าคน จินเปงได้เดินทางไปอยู่ประเทศจีนเมื่อคศ. 1961และได้เดินทางเข้าประเทศไทยเพื่อปฏิบัติภารกิจที่สำคัญยิ่งครั้งสุดท้ายในฐานะเลขาธิการพรรคคือ เซ็นต์สัญญาสันติภาพสามฝ่าย ระหว่างไทย มาเลเซีย และ CPM ยุติทำสงครามต่อสู้ด้วยอาวุธ สลายกองทัพปลดแอก CPM เมื่อ ปีคศ.1989ในพิธีการเซ็นต์สัญญาสันติภาพสามฝ่าย มีการแถลง เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม คศ. 1989 จินเปงได้กล่าวเป็นภาษมลายู มีใจความว่าในฐานะที่เป็นประชาชนมาเล เราปฏิญาณความซื่อสัตย๋ต่อสมเด็จพระราชาธิบดีมาเลเซียและต่อชาติ ในฐานะผู้ลงนามความตกลง เราสัญญาที่จะกระทำความตกลงทุกข้อจนถึงทุกตัวอักษร เราจะสลายกำลังติดอาวุธของเรา และยุติความเป็นศัตรูต่อกัน อีกทั้งทำลายอาวุธ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของเราที่จะยุติการต่อสู้ด้วยใช้อาวุธ ทั้งหมดที่ผมกราบเรียนท่านผู้มีเกียรติที่เคารพทั้งหลาย เป็นเสี้ยวหนึ่งของชีวิตของสุภาพบุรุษผู้นี้ ในส่วนตัวของกระผม ท่านผู้นี้เปรียบเสมือนพี่ชาย (Big Brother) แม้แต่เจ้าหน้ามาเลที่ประชุมที่ภูเก็ตก็ยอมรับ เรายกย่องท่านเป็นพี่ใหญ่ที่ผมมีความรักและมีความเคารพนับถือ ท่านเป็นนักต่อสู้เพื่อเอกราชของประเทศ ท่านเป็นสุภาพบุรุษและเป็นแบบอย่างของความซื่อสัตย์ เสียสละและกล้าหาญ
พิศาล
วันขึ้นมากล่าวแทนญาติพี่น้องพวกเราทุกคน สาเหตุใช้คำว่ามากล่าวแทนญาติพี่น้องที่เคารพในที่นี้ก็เพราะว่าชีวิตยี่สิบปีของท่านและกระผมอยู่ด้วยกันที่บ้านกระผมเอง ทะเบียนบ้านก็อยู่ในบ้านของกระผม เพราะฉะนั้นกระผมเสมือนหนึ่งว่าเป็นญาติ วันนี้เป็นวันที่ผมดีใจแทนญาติและท่านจินเปง เพราะบุคคลที่ท่านได้กล่าวให้ผมฟังตลอดเวลา และบอกผมด้วย ท่านแรกคือท่านพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ และท่านที่สองพลเอก กิตติ รัตนฉายา ท่านที่สามพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ และท่านที่สี่พลเอก จำลอง คุณสงค์ สี่ท่านนี้คือสี่ท่านที่ในหัวใจท่านจินเปงตลอดระยะเวลายี่สิบปีที่ผ่านมา ที่ท่านอยู่ในบ้านผมเสมือนเป็นปู่ของลูกผม เสมือนเป็นทวดของหลานผม ท่านได้กล่าวหลายสิ่งหลายอย่างว่าวันนี้ถึงแม้ว่า ท่านทำได้เพียงเท่านี้ ท่านก็ภูมิใจแล้วว่าท่านพยายามทำอย่างดีที่สุดแล้ว วันนี้ผมจะดีใจเหลือเกินที่ท่านสี่ท่าน ที่ผมเคยได้ยินได้ฟังมาโดยตลอดระยะเวลายี่สิบปีที่เราอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าเป็นท่านพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ท่านมีความชื่นชม เคยขอร้องให้ผมพาเข้าไปพบพณท่านพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ และท่านก็ได้ให้ความเป็นกันเอง ได้ให้ความช่วยเหลือทุกอย่างด้วยความเป็นห่วงเป็นใยลูกน้องของท่าน ท่านได้ให้ผมได้พยายามติดต่อทั้งท่านพลเอก กิตติ รัตนฉายา ในเรื่องการทำหนังสือ ได้พยายามทั้งการติดต่อท่านพลเอก และท่านพลเอก จำลอง คุณสงค์ เราอยู่ด้วยกันกับท่านมานั้น สิ่งที่ผมได้มีโอกาสเห็นมีโอกาสรู้ก็คือ ในฐานะที่ผมเป็นทหาร
ประการแรก สิ่งที่ได้จากท่านคือเยี่ยงอย่างที่ยอดเยี่ยมของความเป็นทหาร ไม่มีผู้ได้จะเสมอเหมือนคนหนึ่งของโลกใบนี้ 50ปีในการต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว เป็น 50ปีที่โรงเรียนทางทหารของออสเตรเลียและหลายๆประเทศได้นำเอาวิธีการของท่านไปศึกษา ได้ขอให้ท่านไปเป็นอาจารย์สอนในวิทยาลัยทางการทหารต่างๆในประเทศต่างๆ ผมเองถึงแม้ว่าส่วนหนึ่งจะผ่านชีวิตการรบมาพอสมควรเหมือนกัน
ประการที่สองในความเป็นผู้นำ ท่านมีความห่วงใย มีความรัก มีความซื่อสัตย์ต่อพี่น้องทุกๆคนของท่าน ทุกอย่างท่านบอกว่า “พิศาลพาเราไป เราจะไปดูแลพี่น้องเรา ส่วนต่างๆที่เราได้รับมาจากพรรคนั้น สลึงเดียวเราก็เอาไปไม่ได้ เราต้องไปคืนลูกน้องเรา ช่วยพาเราไป” ผมก็พาท่านไป นี่คือความเป็นผู้นำที่มีความห่วงใยลูกน้องอยู่ตลอดเวลา
ประการที่สามคือ การเป็นผู้มีเมตตา เป็นผู้มีกรุณา มีความสุขุม ท่านมีแต่เมตตาตลอดเวลาเท่าที่ผมเห็น เป็นนักรบที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา นั้นคือตัวอย่างที่ของนักรบที่นักรบในโลกนี้ควรจะจดจำ และนักรบเปี่ยมไปด้วยเมตตาจึงเป็นที่ศรัทธา เป็นที่ยึดมั่นของทุกๆคน ทุกคนรักท่าน ผมเองอยู่กับท่านมาผมก็รักท่าน ท่านเป็นวีรบุรุษของพวกเรา และก็เป็นวีรบุรุษในใจของผมและครอบครัวผมด้วย
สุดท้ายสิ่งที่ผมเห็นนอกจากท่านพลเอก กิตติ รัตนฉายา กล่าวไว้ว่าท่านได้ปฏิญาณต่อพระราชาธิบดีมาเลเซีย ในส่วนของประเทศไทยนั้นในฐานะท่านอยู่ในพระบรมโพธิสมภารของประเทศไทยนั้น ท่านมีความจงรักภักดีต่อสถาบันอย่างยิ่งและอย่างสูงที่สุด ไม่ว่ากิจการใดของสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ไม่ว่ากิจการใดของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ไม่ว่าจะกิจการขององค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ท่านไปทุกที่ ท่านไปทุกแห่ง ไปด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยม แม้ขนาดงานสวดสมเด็จย่าท่านไปกับผมเกือบทุกวันที่พระราชวัง นี่คือคนที่ควรเอาเยี่ยงอย่างไม่ว่าจะอยู่บนผืนแผ่นดินไหน แผ่นดินผืนนั้นคือบ้านของท่าน สิ่งมี่ผมอยากจะกราบเรียนว่า ในวาระสุดท้ายนี้ ท่านที่ผมได้กล่าวมาถึง พี่น้องที่นั่งอยู่ในที่นี้ทุกคนได้ทำดีที่สุดแล้ว เราไม่เคยคิดว่าตรงนี้คือการเมือง เราคิดเหมือนกันทุกคนคือคนที่มีชีวิตจิตใจเหมือนกันทุกคน ทุกผู้ทุกนามคือบุคคลที่เปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตจิตใจ เราไม่เคยจะไปมองการเมืองใดๆ เราประพฤติกับทุกๆคน ไม่ว่าท่านพลเอก ชวลิต ท่านทำนโยบาย 66/23 กับพี่น้องผู้ก่อการร้ายพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย กับคณะพี่น้องของพวกท่านก็คือเลือดเนื้อของพวกเราและก็กับทุกคนแม้กระทั่งผู้ที่ถูกขนานนามว่าผู้ก่อการร้ายในภาคใต้ ทุกชีวิตบนผืนแผ่นดินนี้คือเลือดเนื้อเดียวกัน
「 支持!」
您的打赏将用于网站日常运行与维护。
帮助我们办好网站,宣传红色文化!